Thursday, May 13, 2010

David Cameron








สื่อนอกตอนนี้ต่างลงข่าวนายกรัฐมนตรีคนใหม่คนที่ 53 ของอังกฤษกันทุกสำนัก หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง

นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จากพรรคแรงงาน (Labour Party) ลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเพื่อให้พรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party)ของ นายเดวิด คาเมรอน ที่ชนะการเลือกตั้ง 3 ครั้งจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ของนายนิค เคลกก์ ที่ได้เสียงเป็นอันดับ 3 ซึ่งเป็นการกลับมาเป็นรัฐบาลครั้งแรกในรอบ 13 ปีของพรรคอนุรักษ์นิยม

สำนักข่าว CNN นำเสนอข่าวของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษหลายต่อหลายเรื่องราว เพื่อให้รู้จักกับผู้นำคนใหม่ นายเดวิด คาเมรอน กันมากขึ้น อย่างข่าวนี้

นายเดวิด คาเมรอน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ ของอังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ภูมิหลังของนายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่ธรรมดา จบการศึกษาจากโรงเรียนอีตัน ต่อด้วยมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ในปี ค.ศ. 1988 หลังจบมหาวิทยาลัยเคยทำงานเป็นนักวิจัยทางนโยบาย นายคาเมรอนคลุกคลีอยู่กับวงการประชาสัมพันธ์มามาก จนบางคนกล่าวว่านี่จึงเป็นทักษะให้เขามีความชำนาญในการ re-branding พรรคของเขาเอง และเขาเองเคยเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองในปี ค.ศ.2001

นายคาเมรอนและภรรยาของเขา สแมนธา ซึ่งทำงานเป็นครีเอทีพไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ของใช้ เครื่องหนังหรู Smythson ทั้งคู่มีบุตร 2 คน และสแมนธาจะคลอดบุตรคนที่ 3 ในเดือนกันยายนนี้ ผู้นำอังกฤษคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด (43 ปี) ในประวัติศาสตร์อังกฤษในรอบเกือบ 200 ปีผู้นี้ มีความคิดแหลมคมเรื่องการให้ความสำคัญทางการเมืองและการสนับสนุนเรื่องการบริการทางสุขภาพแห่งชาติโดยรัฐ โดยเขาบอกว่าเกิดจากการที่ลูกชายพิการที่ชื่อ อีวาน ของเขาเสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 6 ขวบ เมื่อปี 2009

“โทนี่ แบล์รให้ความสำคัญกับคำ 3 คำ คือ การศึกษา การศึกษา การศึกษา ตัวเขาสามารถทำได้ในตัวอักษร 3 ตัว คือ NHS (National Health Service)” นายกรัฐมนตรีคาเมรอนกล่าวในที่ประชุมพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อปี 2006 ซึ่งเขาเขียนไว้ในเวบพรรคว่า “ประชาชนหลายล้านคนต่างรู้สึกขอบคุณโครงการ NHS นี้ รวมทั้งครอบครัวของผมเองด้วย”

“สิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งของการอาศัยอยู่ในประเทศนี้ คือ ช่วงเวลาที่คุณล้มป่วย ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน หรือคุณจะมีเงินมากน้อยเพียงใด คุณรู้ว่า NHS คอยดูแลคุณอยู่”
("One of the wonderful things about living in this country is that the moment you're injured or fall ill -- no matter who you are, where you are from, or how much money you've got -- you know that the NHS will look after you.")

คำพูดดังกล่าวนี้ถูกตอกย้ำในแถลงการณ์การเลือกตั้งของพรรค ซึ่งพรรคเรียกตัวเองว่า “พรรคแห่ง NHS” และให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า “จะไม่เปลี่ยนแปลงความคิดที่เป็นหัวใจสำคัญที่ระบบสาธารณสุขในประเทศนี้ต้องได้เปล่าและทุกคนสามารถเข้าถึงได้เมื่อต้องการและไม่สามารถจ่ายได้” ("never to change at the idea at its heart that healthcare in this country is free at the point of use and available to everyone based on need and not ability to pay.")
ติดตามรอดูผลงานของเขาว่าจะทำให้พรรคได้ครองตำแหน่งรัฐบาลต่อ ๆ ไปหรือไม่
Credit ภาพข่าวและเนื้อเรื่องจาก www.cnn.com และ www.time.com

No comments:

Post a Comment